

Knight of the Glasses 1
Auther's Gardian Series
( 硝子の騎士 アーサーズ・ガーディアン )
Story : Unit Vanilla
Illustration : Ai Hasukawa
Status : Thai Version by SW
Price : 270 Baht
-----------------------------
สารที่ใช้ทำการทดลอง : เด็กแว่น, หนุ่มแว่น
เวลาในการทำปฏิกิริยา : สองเดือน
ระยะเวลาในการทำการทดลอง : สามหาว สี่ขยัก (กว่าจะจบ)
กว่าจะมาเป็นเล่ม...
เริ่มจาก ปก ก่อนเลยนะคะ
ตัวหน้าปกไม่มีอะไรน่าติ ดูสมบูรณ์
กระดาษด้านเนื้อดี ขนาดเหมาะพอดีมือ
รูปปกชวนซื้อ ด้วยท่วงท่า เศษกระจก ขนนก
ดูแล้วน่าจะมีอะไรในกอไผ่ให้ค้นหา
แต่สัญลักษณ์กราฟฟิคของ sweet novels ที่ออกแบบมาได้ดูสวยงาม
พอมาแปะอยู่ที่สันปก กลับไม่รู้เลยค่ะ ว่าเป็นนิยายค่ายไหน
อยากแนะนำให้แยกคำว่า sweet novels มาไว้ข้างใต้กราฟฟิครูปหัวใจ
จะสามารถอ่านได้ชัดเจนขึ้นมากค่ะ ^v^
ส่วนชื่อเรื่อง เข้าใจว่าเขียนผิด glass -> glasses
ด้านหลังปก ที่มีสัญลักษณ์ตราอาร์มอยู่ ดูสวยดี น่าเกรงขาม
ทว่า...พอเหลือบไปอ่านเรื่องย่อข้างบนแล้ว
อุ แม่เจ้า บทแปลไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด
การจัดหน้านี่สิ อลหม่านกันทีเดียว
เป็นการจัดย่อหน้าที่น่าเกลียดมากค่ะ -""-
วรรคตอนครึ่งล่างตัดประโยคเป็นคำ สองคำ สามคำ
การตัดประโยค ขึ้นบรรทัดใหม่ไม่มีความต่อเนื่อง ขาดๆ เกินๆ
เหมือนเอาเนื้อเรื่องย่อโปะลง word processor
แล้วสั่งจัดบรรทัด column ไม่เกินเท่านี้เซ็นเพื่อให้เนื้อความพอดีขนาดปก
การแปลสามารถอ่านเข้าใจได้ค่ะ แต่การจัดหน้าทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง
เลย์เอาท์ ของเล่มนี้ แต่ละบทขึ้นต้นด้วยแว่นตาก็เหมาะสมดีค่ะ
เหมือนกับที่เรื่องนี้พยายามชูแว่นตาให้เป็นโมเอะพอยนท์
แต่ที่ดูไม่สื่อความหมายเลย คือเถาวัลย์ดอกไม้ใต้เลขหน้า
ถ้ากะวางเอาสวยๆ ก็...ดีค่ะ จัดตำแหน่งดี
ขนาดเล็ก ไม่เกะกะรบกวนตัวหนังสือ
เพียงแต่มันไม่เข้ากับเนื้อเรื่องเท่านั้น เลยออกจะดูเกินๆ
เพราะโดยปกติแล้ว เลย์เอาท์ส่วนนี้
มักจะถูกวางให้เข้ากับธีมหนังสือเสมอ
ช่องไฟ ของ เนื้อหา บทต้นๆ วางไม่ค่อยสวยค่ะ
แต่บทต่อๆ ไปก็พบน้อยลง
การตัดวรรค ตัดคำ ตกหล่นบรรทัด มีบ้างประปราย
ไม่มากจนถึงขั้น อ่านๆ อยู่ เอ๊ะ เสียอารมณ์ เอ๊ะ เสียอารมณ์
ที่ตกอกตกใจจริงๆ คือ ด้าน การแปล O{ }O
เรียกได้ว่า เหวอออออ กันทีเดียว
เมื่อคิดถึงเนื้อเรื่องย่อที่ได้อ่านเมื่อหลายเดือนก่อน
ไม่ถึงกับสละสลวย แต่แปลออกมาค่อนข้างดี
ไม่มีงงค่ะ (ในด้านการแปลนะ)
คงเพราะเคยผิดหวังกับการแปลเรื่องก่อนหน้านี้
จึงไม่ได้คาดว่าเล่มนี้จะดีเลิศ
แต่พออ่านได้แบบนี้ ก็อัพเกรดอารมณ์ขึ้นมาได้เยอะทีเดียว
และที่สงสัย catch up preview
บทพูดของฟุตาบะ-คุณพ่อ หายไปอย่างไร้ร่องรอย ??
(หน้า 91 เหมือนคำมันเกินๆ มา อ่านแล้วขัดแข้งขัดขากับประโยคก่อนหน้า
"หน้าที่ของทาคาเนะคือ....คนที่ไม่ได้สวมแว่นสามารถเป็นคนเลวร้ายได้..."
น่าจะเป็น คนที่สวมแว่น มากกว่าค่ะ)
ภาพประกอบ นี่สิคะ กะว่าจะได้นั่งจ้องเสน่ห์หอมฟุ้งของพระ-นาย
ใต้การวาดลวดลายของอาจารย์ไออย่างมีความสุข
แต่อยากบอกว่า ภาพพวกนี้ แป้กมากๆ เลย T_T
ไหนล่ะอโรมาติกหอมฟุ้ง ไหนล่ะโมเอะพ้อยนท์
ไหนล่ะน้องเคะเซะซี่บนหน้าปก
เล่มนี้ไม่ปลื้มอย่างแรง เคะที่ดูน่าลุ่มหลงบนปก กลายเป็นเด็กกะโปโล
แว่นอันเป็นโมเอะพ้อยนท์ก็ไม่สามารถดึงเสน่ห์ของตัวละครออกมาได้
หน้าผา หม้อรามชามไห เครื่องบิน
ภาพเคะเมะภายใน
ก็ไม่เปล่งประกายบลิงค์บลิงค์ผิดหน้าปกลิบลับ TxT อาร๊ายยย
สรุปคือภาพประกอบของอาจารย์ชุดนี้ไม่ปลื้มเป็นอย่างมาก !
----------------------------------
กว่าจะมาเป็นเรื่อง...
มาจะกล่าวไป ถึง ตัวละคร ชุดใหญ่ มีตั้ง...สองตัว
(กับตัวประกอบไม้ประดับอีกสี่ซ้าห้าคน)
ฟุตาบะคุง น้องเคะแว่น ที่พยายามมองโลกในแง่ดีให้มากที่สุด
ใครใส่อะไรมา แกก็ตอบกลับไปแบบร้ายกลายเป็นดี ดียิ่งดีขึ้นไปอีก
มีนิสัยตัวนิ่มก๊องแก๊งมาก ขนาดที่ว่าโดนลักพาตัวไปอยู่ที่ไหนไม่รู้
แกก็ยังชมว่า เตียงนุ่มอย่างนั้น ผ้าปูชั้นดี น่าเอาไปใช้กับโรงแรมแบบนี้
คงให้ความรู้สึกหรูหราฮัลเลวังก้า ต่อยอดได้อีกยาวไปทุกเรื่อง
อ่านแล้วแบบว่า เอ๋อเหร๋อยะ
ถ้ามีตัวหนังสือ ก๊องง ตัวใหญ่ๆ ตกลงมาบนหัว
ให้หล่อนก็คงเอามือคลำป้อย แล้วหัวเราะแหะๆ สินะ
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ รู้สึกคุณน้องเคะเธอทำได้ไม่เป็นธรรมชาติ
เพราะฟุตาบะเป็นเด็กที่รู้จักโลกภายนอกค่อนข้างดีอยู่แล้ว
รู้จักว่าหน้าไหว้หลังหลอกคืออะไร รู้จักหน้ากากสังคม
วิถีชีวิตแบบคนธรรมดา ทั้งที่กำหนดให้มาเป็นคุณหนูติดดิน
ทว่า...อ่านไปก็ติดจะหมั่นไส้
เหมือนกับพยายามทำให้อินโนเซนท์เหมือนนิกิเน่า
ซึ่งมันคอมบิเนชั่นออกมาแล้วแบบ...ไม่ใช่อะกิ๊บ
ปมที่ให้มาตอนแรกก็ดูเหมือนจะสร้างตัวละครสามมิติได้
แต่อ่านไปยังไง๊ ยังไง ไอ้หนูนี่มันก็พลานาเรียตัวแบนๆ
ยิ่งรวมกับฝีมือช่างที่ให้มา ยิ่งแบบ...มันขัดกันไปหน่อยไหม?
ทาคาเนะ พระเอก ที่ดูตามบทบาทแล้วน่าจะแข็งเป็นกล่องสีเหลี่ยมลูกบาศก์
เนื้อเหล็กอัดแน่นแข็งแกร่งยากที่จะมีอะไรซอกซอนเข้าไปได้
แต่พออ่านจริงๆ แล้ว ทำไมรู้สึกว่าเมะคนนี้ยิ่ง...แง่มม แฮ่มๆ
จินตนาการบรรเจิดเลิศพล่านเสียยิ่งกว่าเคะคนข้างบนอีก *-*
แบบว่าพี่ทาคาเนะแก ไม่เกรียน ไม่ก๊อง ไม่ต๊อง ไม่แต๊งก็จริง
ความเนิร์ดนี่สิ มากถึงมากที่สุด ถ้าพี่แกไม่เอาวิชาการ
หลักเหตุและผลต่างๆ มาเป็นหลักฐานในการจูงใจ
ซัพพอร์ตร้อยกับแปดสมมติฐานสารพัดที่แกสร้างขึ้น
คงกลายเป็นเมะเกรียนเทพไปแล้ว แค่เป็นผู้ใหญ่เนิร์ดพี่แกยังถึงแค่นี้
ไม่รู้ว่าแบกรับชะตากรรมโลกอะไรให้คิดนักคิดหนา
(เขาว่ากันว่าความเกรียนกับเนิร์ดนี่ห่างกันแค่ทิชชู่กั้นสินะ
เหมือนอัจฉริยะกับคนบ้า)
สองตัวละครนี้ ต่างก็มีนิสัยต่างกัน คนนึงก็ขวาสุดโต่ง อีกคนก็ซ้ายสุดโต่ง
ทั้งที่สูตรเคมีไม่เข้ากัน แต่ก็ยังได้ผลสำเร็จออกมาถูกต้องอยู่ดี
(คล้ายๆ กับโยนซูกัสใส่เป๊ปซี่แทนที่เมนทอสแล้วแก้วก็ยังระเบิดนั่นล่ะ)
ดังนั้นเวลาที่ต่างคนต่างรู้สึกชอบจึงเหมือนกับมันไม่เป็นไปตามที่ควรเป็น
เคะเอาวิธีฤๅษีแปลงสารต่างๆ มาใช้
แล้วก็บอกว่าเมะเป็นอย่างนู้นอย่างนี้แล้วก็ชอบ
เมะก็ตกหลุมรักรอยยิ้มแรกเจอเอาดื้อๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วมันก็แค่ขัดแย้งกัน
กับ 'ความคิดไปเอง' ที่ตัวเองสร้างอิมเมจของเคะเอาไว้ตามข้อมูลที่เห็น
พอเจอตัวจริงไปนานๆ เข้ามันผิดอิมเมจ ข้าก็ชอบซะ
เหมือนเมะมันสะกดจิตตัวเองให้สร้างสถานการณ์
'จงชอบเคะ' ได้อย่างไรอย่างนั้น @_@
เนื้อเรื่อง จริงๆ ก็ดูเหมือนโดนปักหมุดซ่อนตรงโน้นตรงนี้ หยอดปมไว้
แต่ก็ทำให้เดาได้ไปทุกอย่าง ไม่เห็นว่าจะมีส่วนเนื้อเรื่องตรงไหนที่เข้มข้น
และไม่เติดเวอร์ระเบิดเถิดเทิง ให้สมเหตุสมผล
เหมือนกับที่เมะพยายามให้บรรทัดฐานเคะได้เลยสักอย่าง
ความที่สถานการณ์ในเรื่องดูไม่ลื่นไหล
กระฉึกกระฉักเหมือนรถไฟ ไปๆ จอดๆ
กับการสลับฉากที่แบบว่า...เฮ้ย ตรงนี้มันเป็นไงมาไง
ยิ่งอ่านแล้วแบบ unit vanilla เขียนจริงหรือคะ
ทำไมมันไม่สนุกขนาดนี้อ้า T^T
สรุปแล้ว การแปลไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
แต่เนื้อเรื่องนี่...จะรอเล่ม 3 ที่เขาว่าสนุกๆ กันนักหนาดีไหมเนี่ย ?
No comments:
Post a Comment