
Sinful Night คืนใต้เงาบาป
( この罪深き夜に )
Story : Katsura Izumi
Illustrator : Enjin Yamimaru
Status : Thai Version by NB
Price : 300 Baht
--------------------------
กว่าจะมาเป็นเล่ม...
ประทับใจ พินอัพ มากกว่าภาพปกอีกค่ะ
(แม้ว่าหลังอ่านจบภาพปกจะสื่อความนัยมากกว่าที่เห็น)
แต่ถ้าให้เอามาขึ้นแทนปก ก็คงเหมาะกับชื่อเรื่องได้ไม่เท่าภาพปกอยู่ดี
ขอแนะนำให้ผู้ที่ซื้อมาเปิดเจอพินอัพปุ๊บ
กรุณาเปิดหน้าหลังสุดทันทีเลยค่ะ
ถ้ากลายเป็นภาพสีทั้งคู่นี่คงได้อารมณ์มาก T_T
อยากได้มากกว่า mininovel ของแถมเสียอีก ^^"
ภาพประกอบ ในเล่มนี่ไม่ต้องพูดถึง
อ.เอ็นจิน นี่เหมือนนักแสดงเลยนะคะ
เวลาวาดการ์ตูนภาพก็การ์ตู๊นน การ์ตูนเวลาวาดาภาพนิยายก็นิย๊าย นิยาย
ถ้าอาจารย์รับบทนักวาดอนิเม แกจะวาดได้อนิเม๊ อนิเมไหม
อยากรู้จริงๆ ตามบทตามบาทเขาได้คล่องมือ
อ.เอ็นจินเป็นท่านที่สื่อหัวใจผ่านดวงตาได้คล่องอีกคนหนึ่ง
โดยเฉพาะแววตาของคุนิทากะเวลาอยู่กับเรียวอิจิโร่
ในทุกที่ที่เห็น ไม่ว่าจะเป็นปก พิน อัพ หรือภาพภายในเรื่อง
ดูจะแฝงการครอบครองเรียวอิจิโร่ไว้มิด
ไม่มีการยอมจำนน แม้ว่าภาพปกกับพิน อัพจะโดนเรียวอิจิโร่กอดอยู่ก็ตามที
ด้าน เลย์เอาท์และการพิมพ์ เรื่องย่อที่ปกหลัง
ถ้าไม่ปรับสีสว่าง ก็คงต้องใหญ่ หรือใช้ฟอนต์อื่นสักนิดนึงค่ะ
อ่านยากจนปวดตาเลยทีเดียว แล้วเส้นมันก็จางๆ สั่นๆ มากด้วย
และหมึกเล่มนี้ก็ดูเละๆ นะคะ
เนื้อเรื่องนี่พิมพ์เข้ม 2 หน้า จาง 2 หน้า สลับกันไปจนจบเล่ม
แล้วก็พวกริ้วรอยจากการพิมพ์เล็กๆ น้อยๆ
รวมถึงปก TT_TT แกะห่อมาก็เห็นแววขอบร่อนในอนาคต
ตรงส่วนที่เคลือบ UV ขึ้นเป็นเส้นเลยค่ะ
ชื่อเรื่อง ดูมันไม่เข้ากับเนื้อเรื่องยังไงอยู่ค่ะ
คือ...ไม่เข้าใจว่าต้องการสื่อถึงอะไร หรือการมีความสัมพันธ์กัน
(ซึ่งมักจะเกิดตอนกลางคืนของเรื่อง)มันเป็นบาป?
แต่ที่ชอบคือ 'ใ' ของเรื่องนี้
ดูแล้วเหมาะสมกับรักสามเส้าและปมเงื่อนซับซ้อนในเรื่องดี
แถมสะท้อนอิมเมจของภาพปกลงมาเด๊ะๆ เลย
ชีวิตของทั้งสองคนเกี่ยวกันเหมือน 'ใ' ตัวนั้นกลับด้านไม่มีผิด
(อันนี้ได้คุณชิวหยงชี้โพรงให้ดูแท้ๆ ค่ะ)
ถ้าถามถึงภาษาสำหรับเรื่องนี้
คิดว่า การแปล ให้สละสลวย ปานธารน้ำไหลดูจะไม่เหมาะค่ะ
ควรจะแปลออกแนวซาฮาร่า ดุ ดิบ เถื่อน มากกว่า
เพราะอารมณ์ของตัวละครในเรื่องโฮกฮากเหลือกิน
แต่สำหรับการแปลของ Dream Project ในเล่มนี้
ช่วงตอนแรกๆ ค่อนข้างแปลขัดหูขัดตาไปหน่อย
การเลือกใช้คำเชื่อมระหว่างและภายในประโยคยังไม่ดี
หลังจากนั้นพัฒนาดีขึ้นเยอะ แต่ก็ยังไม่ค่อยถึงเครื่องเท่าไหร่ค่ะ
ระดับปริ่มๆ ขอบแก้วไม่เอ่อล้นท่วมท้นออกมาได้เต็มร้อย
พล็อตนี้ สำนวนเนื้อเรื่องขนาดนี้ การแปลให้กินใจกว่านี้น่าจะทำได้
--------------------------
กว่าจะมาเป็นเรื่อง...
เล่มหนาแต่สนุกล้นค่ะ
ตอนแรกก็ยังชั่งใจอยู่ว่านักเขียนท่านนี้จะเป็นอย่างไรน้า
ไหนจะแว่วเสียงซึงมาว่าแปลค่อนข้างแข็ง
ไอ้ใจก็เสียวเสียแล้วสิว่าเนื้อเรื่องจะไม่ค่อยได้เรื่อง...
ที่ไหนได้... OxO
เป็นเรื่องที่สองเลยค่ะ
ที่รู้สึกว่าผู้แต่งกับผู้วาดอารมณ์รุนแรงฟัดเหวี่ยงคู่กันอยู่บนหน้ากระดาษ
(อึ้งเหมือนตอนได้อ่าน Saudadae ไม่มีผิด!!!
ต้องเพิ่มลิสต์นิยายในดวงใจเป็น 8 เรื่องแล้วสิ)
พล็อต เห็นเลยว่าน่าสนุกมาตั้งแต่ตอนแรก
แต่สี่ตอนแรกนี่ออกแนวน่าเบื่อค่ะ
เป็นการปูพื้นฐานเรื่องที่แข็งแกร่งมั่นคงได้ยาวดีทีเดียว ล่อไปเกือบครึ่งเล่ม
แต่ถ้าผ่านพ้นมรสุม 4 ตอนไปได้แล้วสิคะ
โอ...ยังกะหนังเรื่อง Deception ชิงไหวชิงพริบกันชนิดวินาทีต่อวินาที
ซ้อนเงื่อนปมซ้ำแล้วซ้ำอีก
แม้จะเดาทางเลาๆ ถูก แต่พออ่านพ้นมาครึ่งเล่มไป
กลายเป็นว่าเดาต่อไม่ได้ แถมมองหาทางจบให้ไม่ถูกอีก
เพราะตัวละครมันขึ้นๆ ลงๆ กันซะ
บรรยากาศ ในเรื่องนี่ เอาธีมหลักมาใช้คุ้มมากค่ะ
การเืมืองเข้มข้นดุดันอาการหลุดธีมหรือนำมาใช้เพื่อเป็นทอดสะพาน
สร้างความน่าสนใจไม่มีเลยค่ะเ ต็มตื่นด้วยการนำข้อมูลมาใช้อย่างละเอียด
คนอ่านเหมือนจะหลุดไปยืนอยู่ด้วย
เหตุการณ์แต่ละขั้นตอนค่อยๆ ช้อนปมมาแกะทีละนิดทีละนิด
ให้ลุ้นได้ไม่แพ้นิยายสืบสวนชั้นดีเหนือความคาดหมายมากเลยค่ะ
เช่น คนที่คาดว่าจะต้องมา...โอเคก็มา
แต่หลังจากนั้นมีการส่งพรายกระซิบมากำชับอีก โอ๊ยย ถูกใจ
นอกจากอารมณ์ดุเด็ดเผ็ดฉุนสไตล์วาซาบิของเรื่องแล้ว
เห็นจะเป็นอารมณ์ดราม่ารุนแรงของคุนิทากะ
นำเอาความตึงเครียดที่เกิดขึ้นด้วยตัวละครก็ดี
กาลสมัยก็ดีมาใช้ในเรื่องได้สมบูรณ์ ไม่ใช่ผ่านมาแล้วเลยไป
ยิ่งกลางๆ เรื่อง อ่านไปมันไม่เศร้าจนคนอ่านแทบดิ้นตายไปด้วย
เหมือนรักไม่ได้ลิขิตนะคะ
แต่...ร้าวลึกค่ะเหมือนปอดเราหายไป หายใจเข้าเท่าไหร่ก็ไม่พอ...
และที่มาทึ่งทีหลังคือผู้แต่งหยอดไว้แนบเนียนตั้งแต่ต้นเรื่อง
คือที่คุนิทากะเห็นเรียวอิจิโร่วิ่งผ่านตอนนั่งกินเหล้ามาเฉลยเอาท้ายเรื่อง
ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดก็เป็นแผนดีๆนี่เอง
ผู้แต่งอธิบายอารมณ์อึดอัด คับข้องของเนื้อเรื่องและตัวละครได้ดี
จนจากที่รำคาญการปูพื้นตอนแรกกลายเป็นว่าคุ้ม
สามารถซัพพอร์ตสิ่งที่กล่าวตามมาตอนหลังชนิดไม่เจอช่องว่าง
ไทม์มิ่ง เรื่องนี้ก็ยอดเยี่ยม
มีบทบาทที่ส่งเสียงก้องระรัวราวกริ่งเตือน
ก่อนที่จะถาโถมความรุนแรงลงเหมือนรัวกลอง
ก่อนจะเฉลยความจริงภายหลัง
บทอัศจรรย์ ของเรื่องก็ว่าดีแล้ว
แต่แค่เจอประโยคเดียวของคุนิทากะนี่แทบจะเป็นลมเอาจูบๆ เดียว
มาอัดฉีดแทนฉาก -ปิ๊บ- ทั้งฉาก...ทำได้ยังไง!!
วันนี้ขอจิ๊บน้ำส้มเป็นนางเอ๊กนางเอกสักนิดค่ะชอบทุก ตัวละคร เลย
ตั้งแต่ตัวเอกยันตัวประกอบแว่บเดียวความโดดเด่นของพล็อตเรื่อง
ยังไม่สามารถบดบังรัศมีของตัวละครแต่ละตัวได้
แถมยังออกลายกันชนิดเพชรตัดเพชร
ดังนั้นตรงนี้ขอเฉาะ เฉาะ เฉาะ ทีละตัวเลยแล้วกัน
เริ่มจากที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็น อาซาโนะ
คู่แข่งทางความรักชั้นเลิศมันเตาของพระเอกเรา
หน้าที่การงานเริ่ด รูปหล่อ พ่อ(ท่าจะรวย) แล้วยังบิดเบี้ยวว
ลับลมคมในอาวุธแพรวพรายรอบตัวราวจิ้งจอกเก้าหาง
ไหนยังจะแต่ละวิธีการที่ 'ทำเพื่อที่จะได้มา' ซึ่งคุนิทากะอีก เลวได้อีกค่ะ
ปากก็ยังกะตะไกร คมกริ๊บกริ๊บ...เรียกเรียวอิจิโร่ว่าสุนัขของสุนัข
คิดไปได้อ่ะ +_+
ตอนเปิดมาเจอที่จีบคุนิทากะอยู่นี่ อยากจะยกๆ ให้ไปเลย
เด็ดหัวเรียวอิจิโร่ทิ้งไปซะ
ในส่วนที่เรียวอิจิโร่พูดถึงในตอนพิเศษไว้ว่า
การที่อาซาโนะปล่อยทั้งคู่ไป แล้วถ้ามีโอกาสค่อยมารังแกอีกที
ตบท้ายด้วยคำที่ว่า เพราะอาซาโนะรัก จึงปล่อยไป
ทุกส่วนที่กล่าวกลั่นรวมกันกลายเป็นตัวอาซาโนะมากเลยค่ะ
จนต้องมองเรียวอิจิโร่ใหม่ว่าไม่ใช่พระเอกธรรมดาเหมือนกัน
ส่วนตัวคิดว่าอาซาโนะเองก็รักคุนิทากะมากพอที่ต้องการแย่งชิงและปล่อยไป
โดยเฉพาะการคิดแผนให้แยบยลขนาดนี้เพื่อคนเพียงคนเดียว
ดูจะไม่ใช่การกระทำที่เกินกว่าจะเรียกว่าไร้สาระและเอาแต่อารมณ์เลย
อีกด้านหนึ่งอาซาโนะก็เหมือนผู้พิสูจน์รักแท้ของทั้งคู่
ถ้าไม่มีเขา โอกาสที่ทั้งสองคนจะกลับมาพบกัน
อาจจะเป็นในอนาคตตอนอายุสี่-ห้าสิบเลยก็ได้
และก่อนที่จะเข้าแผนของอาซาโนะ
ทั้งสองคนก็ยังไม่แน่ใจอะไรกับความรู้สึกของตัวเอง
ถ้าปล่อยให้รักกันอยู่กันไปทั้งอย่างนี้ความรักจะมีโอกาสไม่ยืดยาว
ถ้าไม่มีอุปสรรคสุภาพบุรุษในคราบซาตานอย่างเขา
คุนิทากะและเรียวอิจิโร่อาจรู้ใจตัวเอง
แต่ความผูกพันก็จะไม่หนาแน่นเท่าการฝ่าด่านลำบากอย่างเขาไป
จุดนี้แหละค่ะที่ปลื้มอาซาโนะเอามากๆ
(แม้จะเป็นส่วนที่ฟุ้งซ่านเอาเองก็ตาม)และเมื่อไม่ได้มา
คนส่วนใหญ่อาจเลือกที่จะขอฝากรอยจูบไว้หนึ่งที
เพียงแต่ตามบรรทัดฐานของอาซาโนะ
การจูบสำหรับเขาก็คงเป็นการ -ปิ๊บ- นี่เอง ^^"
คุนิทากะ เป็นตัวละครที่พัฒนาอย่างน่าทึ่งค่ะ
สำหรับ เคะ สวยปากหนักรักเกียรติไม่เหยียดคนจนคนนี้
ถ้าระดับเปิดเล่มมาให้ความถูกใจเป็นศูนย์
พอปิดเล่มเอาไปเลยค่ะ 8 เต็ม 8 ซัมเมอร์ซอลท์
ในตอนต้นเรื่องคุนิทากะออกจะเป็นเคะที่ถูกใจอยู่
(เหมือนน้องเคะใน Saudadae(อีกแล้ว ^^")
ถึงเธอจะสวย แต่ก็ผ่านความสมบุกสมบันสู่การเป็นชายแท้ในโรงเรียนทหารมา
หยิ่งในศักดิ์ รักชาติ และรู้รับผิดชอบ
ในการเป็นลูกชายคนโตของตระกูลขุนนางเหลวแหลก
เพียงแต่ชีนั่งคิดนั่งรำพันถึงรักเดียวของตัวเองอยู่นั่น
จึงไม่ค่อยเข้าตากรรมการอยู่ครามครัน
เรื่องนี้คุนิทากะเป็นคนบ่นในเรื่องอยู่ถึง 90%
ซึ่งประกอบด้วยความน่าเบื่อก็แค่ต้นเรื่องเท่านั้น
อย่างที่บอกว่าคุนิทากะอยู่ในขั้นพัฒนาระดับน่าทึ่ง
เริ่มตั้งแต่เรื่องแรก เรียวอิจิโร่สำหรับเขาเป็นแค่เพื่อนที่ไม่อยากขาดหายไป
พอจากกันก็เริ่มกลายเป็นคนที่คิดถึงคะนึงหา
หลังจากพบกันอีกครั้งแล้วครั้งเล่า ดูจะกลายเป็นเลือดเนื้อร้อนแรง
ที่แทบระเบิดอกคุนิทากะออกมาซะให้ได้
หายใจเข้าก็เรียว...หายใจออกก็เรียว...
(ดูๆ ไปก็ยังกับนักร้อง idol ที่ค่อยเคลื่อนที่ไป เป็น jrock กลายเป็น hiphop
เพราะใครจะกล้าคิด...
หมอนี่พูดว่าอยากตายคาอกด้วยประโยคที่แซ่บมาก กรี๊ซซซซซซ)
แต่ยังมองว่าความรักของตนเองที่มีต่อเรียวนั้นเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยไร้ค่า
จนไม่น่าบอกให้อีกฝ่ายรู้ทั้งที่การกระทำทั้งหลายจะบอกว่ายิ่งใหญ่ก็ไม่กังขา
ดุจจะอุทิศตัวเป็นท้องฟ้า คอยห่มเรียวอิจิโร่ให้อบอุ่น
ปลอดภัยในทุกทีที่ตนแผ่ไปถึง
แม้ตัวเองจะพร่ำบอกว่าสิ่งที่เขาทำทั้งหมดก็เพื่อความพอใจส่วนตัว
กลับยิ่งชี้ชัดว่าการรักคนอื่นโดยไม่จำเป็นต้องครอบครองน่าทึ่งเพียงไร
ตอนอ่านนี่แม้กระทั่งน้ำลายยังรู้สึกว่ากลืนยาก
คุนิทากะที่เป็นหยดหมึกบนกระดาษสานั้น
ถ้าหยดหมึกคือเลือดเนื้อที่แฝงไปด้วยความรักรุนแรง
กระดาษสาก็ดุจเดียวกับกล้ามเนื้อหัวใจที่คอยสูบฉีดหยดหมึกให้กระจาย...
มีแต่เรียวอิจิโร่ไปทั่วร่าง
ในส่วนของความซื่อสัตย์ต่อตนเองก็ช่างมั่นคงดังขุนเขา
ตอนที่รู้ตัวว่ารักก็กล้ายอมรับตรงๆ ว่ารับเลือดพ่อมาไม่น้อยทำให้เขาน่าเอ็นดู
นึกว่าจะดีแต่ดูถูกพ่อเป็นอย่างเดียว
ความเป็นคนจริงจังเลยทำให้ดูถูกตัวเองไปด้วย
ความเหม็นขี้หน้ามาลงที่นี่ค่ะ พระเอก ของเรื่อง ยอดชายนาย เรียวอิจิโร่
อ่านไปครึ่งค่อนเล่ม เฮ้อ...ไม่รู้จะปากหนักไปไหน ทำตัวก็สุภาพจนน่าเมิน
แต่ผู้แต่งเขียนได้ดีตรงที่ว่า เขาเป็นคนกุมความลับ...
ก็สามารถแต่งให้กุมความลับได้เยี่ยมยอดชนิดไม่รู้ตัวจนตอนที่เปิดเผยเลยค่ะ
เนียนกิ๊กอะไรจะขนาดนี้ O{ }o
ยิ่งหน้าใกล้หมด ดีกรีความหื่น-หวานก็เพิ่มเป็นเงาตามตัว
คู่พระ-นายนี่จะเหมือนกันก็ตรงปากหนัก และทุ่มสุดตัว
ทั้งทรัพย์สิน ชีวิตจิตใจ กระทั่งคนรอบข้าง
เพื่ออีกฝ่ายอย่างไม่สงสารตัวเองเลย
สองคนนี้ไม่มีความคิดเพ้อฝันที่ว่าอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้
คงเพราะอุดมการณ์หัวใจที่แน่วแน่จึงไม่คิดพึ่งโชคชะตา
ใช้พลังล้วนๆ ของตัวเองลากถูลู่ถูกังกันจนถึงความฝันที่รอคอยจนได้
ตัวประกอบอดทน ทั้งหลายอย่างคู่คุณพ่อกับเลขา... ฟุยุกิ-ฟุชิมิ นี่
อดคิดไม่ได้ว่าหลังจากลูกชายคนโตเดินตามทางตัวเองอย่างไม่คาดไปแล้ว
จะมานั่งหัวเราะกันเองหรือเปล่าหนอ ว่าลูกไม้มันก็ต้องหล่นไม่ไกลต้น 555
และเล่นเอาอยากอ่านเรื่องของคุณพ่อปีศาจร้ายเจ้าสำราญนี่
ยิ่งกว่าคู่ลูกๆ เป็นไหนๆ ภาพประกอบก็ยวนใจ...เฮ้อ
พวกพ่อบ้านแก่ๆ อยู่กับตระกูลมานานนี่ก็ให้อารมณ์เป็นผู้พิทักษ์ดีนะคะ
รู้เรื่องซะทุกอย่าง แต่ก็เก็บมิด เจอช่วงเว้นวรรคที่ไหนก็รู้งานอีก
เป็นไอเท็มที่ขาดไม่ได้สำหรับนิยายสไตล์ขุนนาง
น้องชายคนรอง นี่ก็เพิ่มสีสันเป็นอย่างมาก แร่ดได้ถ่วงความเจริญ
และทำให้คุนิทากะต้องลำบากได้สมบทบาท
ยิ่งทำให้เรื่องที่ต้องเป็นห่วงในบ้านมีน้ำหนักขึ้นเยอะ
เพราะอย่างภาระเงินพอหยิบยืมได้
พ่อร่านก็แต่เฉพาะในบ้าน
ได้น้องชายเป็นตุ้มที่สามที่ทั้งเสเพลและตกเป็นข่าวนี่
กลายเป็นกระดูกแขวนขอเกรดเอเลย
ถ้าเรื่องนี้ไม่มี special part นี่
จะตัดห้วนเหมือนกับตอนดู Matrix ภาค 2 และ Pirate ภาค 2 เลย
คือ...อยู่ๆ คิดจะมีภาค 3 ก็ไม่บอกกล่าว รอให้รู้ในโรงเอง --*--
ในเชิงอรรถที่ 2 หน้า 277 มีเขียนไว้ว่า 'น้ำเชื้อ'
น่าจะหมายถึง 'หัวเชื้อ' มากกว่า?
อ่านเจอแล้วสะดุ้งขึ้นมาเลย ^^"
อ่านไปอ่านมา อยากจะให้ตัวเอกทั้งสามมาเล่น threesome กันไปเลย
คงเด็ดดวงแท้เล่มนี้...คุ้มจริงๆ 300 บาท
(*__________________________*)b
No comments:
Post a Comment